มือถือ เพื่อนรักหรือศัตรูตัวร้ายของพัฒนาการเด็ก
ในยุคดิจิทัล เทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญในชีวิตเรา เด็ก ๆ คุ้นเคยกับโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต และหน้าจอต่าง ๆ ตั้งแต่ยังเล็ก เทคโนโลยีเหล่านี้ส่งผลดีหรือร้ายต่อพัฒนาการของเด็ก? บทความนี้มุ่งเน้นไปที่ผลเสียของการให้เด็กเล่นโทรศัพท์มือถือนานเกินไป โดยอ้างอิงข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC)
ผลเสียของการให้เด็กเล่นโทรศัพท์มือถือนานเกินไป
1. พัฒนาการด้านภาษาช้าลง
เด็กเล็กเรียนรู้ภาษาผ่านการพูดคุยและโต้ตอบกับผู้อื่น การจดจ่อกับหน้าจอโทรศัพท์มือถือทำให้เด็กเสียโอกาสในการฝึกฝนทักษะการพูด การฟัง และการสื่อสาร ส่งผลต่อพัฒนาการด้านภาษา งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดพบว่า เด็กอายุ 2 ปีที่ใช้เวลากับหน้าจอโทรศัพท์มือถือมากกว่า 2 ชั่วโมงต่อวัน มีทักษะการพูดและการฟังด้อยกว่าเด็กที่ใช้เวลากับหน้าจอน้อยกว่า
2. ปัญหาการนอนหลับ
แสงสีฟ้าจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือรบกวนการผลิตเมลาโทนิน ฮอร์โมนที่ควบคุมการนอนหลับ เด็กที่เล่นโทรศัพท์มือถือก่อนนอนมักมีปัญหาการนอนหลับ เช่น นอนหลับยาก นอนไม่หลับต่อเนื่อง ส่งผลต่อสุขภาพและพัฒนาการ งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ พบว่า เด็กที่ใช้เวลากับหน้าจอโทรศัพท์มือถือมากกว่า 2 ชั่วโมงต่อวัน มีโอกาสเสี่ยงต่อปัญหาการนอนหลับมากกว่าเด็กที่ใช้เวลากับหน้าจอน้อยกว่า
3. สมาธิสั้น
การจดจ่อกับสิ่งเร้าบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือเป็นเวลานาน ส่งผลให้เด็กมีสมาธิสั้น หลงง่าย ยากต่อการจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยปักกิ่ง พบว่า เด็กที่ใช้เวลากับหน้าจอโทรศัพท์มือถือมากกว่า 2 ชั่วโมงต่อวัน มีโอกาสเสี่ยงต่อปัญหาสมาธิสั้นมากกว่าเด็กที่ใช้เวลากับหน้าจอน้อยกว่า
4. โรคอ้วน
เด็กที่เล่นโทรศัพท์มือถือนาน ๆ มักมีกิจกรรมทางกายน้อย นั่งนิ่งเป็นเวลานาน ส่งผลต่อสุขภาพและนำไปสู่โรคอ้วน งานวิจัยจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา พบว่า เด็กอายุ 2-5 ปีที่ใช้เวลากับหน้าจอโทรศัพท์มือถือมากกว่า 2 ชั่วโมงต่อวัน มีโอกาสเสี่ยงต่อโรคอ้วนมากกว่าเด็กที่ใช้เวลากับหน้าจอน้อยกว่า
5. พัฒนาการทางสังคมบกพร่อง
เด็กเรียนรู้ทักษะทางสังคมผ่านการเล่นและโต้ตอบกับผู้อื่น การใช้เวลากับหน้าจอโทรศัพท์มือถือมากเกินไป ทำให้เด็กขาดโอกาสในการฝึกฝนทักษะทางสังคม ส่งผลต่อความสัมพันธ์และการเข้าสังคม งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด พบว่า เด็กที่ใช้เวลากับหน้าจอโทรศัพท์มือถือมากกว่า 2 ชั่วโมงต่อวัน มีทักษะทางสังคมด้อยกว่าเด็กที่ใช้เวลากับหน้าจอน้อยกว่า
แนวทางการแก้ปัญหาเด็กติดมือถือ
1. หากิจกรรมอื่นให้เด็กทำ
o กิจกรรมที่สร้างสรรค์:
• วาดรูป
• ระบายสี
• ประดิษฐ์
• เล่นดนตรี
• ร้องเพลง
• เล่นกีฬา
• ออกกำลังกาย
o การเรียนรู้:
• เรียนภาษา
• เรียนดนตรี
• เรียนวาดรูป
• เรียนเขียนโปรแกรม
o การช่วยเหลืองานบ้าน:
• รดน้ำต้นไม้
• ให้อาหารปลา
• เก็บที่นอน
• จัดโต๊ะอาหาร
2. ใช้เวลากับลูก
o เล่นกับลูก
o พูดคุยกับลูก
o ทานอาหารร่วมกัน
o พาไปเที่ยว
o อ่านหนังสือให้ฟัง
3. สร้างกฎเกณฑ์ที่ชัดเจน
o กำหนดเวลาการใช้โทรศัพท์มือถือ
o กำหนดสถานที่ที่ใช้โทรศัพท์มือถือได้
o กำหนดเนื้อหาที่สามารถดูได้
4. เป็นตัวอย่างที่ดี
o ผู้ปกครองควรลดเวลาการใช้โทรศัพท์มือถือลง
o ใช้เวลากับลูกมากขึ้น
o ทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกับลูก
5. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
o นักจิตวิทยา นักจิตวิทยาสามารถช่วยเด็กพัฒนาทักษะที่จำเป็น เช่น ทักษะการสื่อสาร ทักษะการแก้ปัญหา ทักษะการควบคุมอารมณ์
o นักบำบัดโรค นักบำบัดโรคสามารถช่วยเด็กที่่มีปัญหาทางอารมณ์ เช่น ภาวะวิตกกังวล ภาวะซึมเศร้า
6. พบแพทย์
o ในกรณีที่เด็กมีปัญหาสุขภาพจิต เช่น โรคสมาธิสั้น ภาวะซึมเศร้า แพทย์อาจสั่งยาเพื่อรักษา